‘จูดาห์’พร้อมล่าแชมป์โรดเรซชิงแชมป์ประเทศไทยที่พิจิตร

จูดาห์ ธอมป์สัน นักปั่นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน พร้อมเดินหน้าล่าแชมป์ในศึกสองล้อประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 สนามที่ 4 ที่ จ.พิจิตร วันที่ 6-8 มิถุนายนนี้ ทั้งรายการไทม์ไทรอัล และโรดเรซ หลังปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคยกับอากาศที่เมืองไทยได้แล้ว สามารถลงฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่ตามโปรแกรมที่สตาฟโค้ชกำหนด
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (เอซีซี), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาจักรยานได้ดำเนินการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทยชุดสู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 ล่าสุด นายจูดาห์ ธอมป์สัน นักปั่นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 21 ปี ซึ่งเดินทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมกับนักกีฬาทีมชาติไทยประเภทถนนที่จังหวัดนครนายก หลังจากที่จูดาห์ได้ดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนสัญชาติกับทางสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) พร้อมกับได้ไลเซน เรียบร้อยแล้ว สามารถลงแข่งขันในนามทีมชาติไทยได้อย่างสมบูรณ์ 100%

พลเอกเดชา กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานจาก พ.อ.อ.ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ ผู้ฝึกสอนจักรยานประเภทถนนทีมชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ออกโปรแกรมการฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ระบุว่าในช่วง 3 วันแรกจูดาห์มีอาการเจ็ตแล็ก (Jet lag) อ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเครื่องบินข้ามหลายเขตเวลา เพราะเวลาที่สหรัฐอเมริกากับที่ประเทศไทยห่างกัน 12 ชั่วโมง แต่ตอนนี้ก็สามารถปรับตัวและฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ตามปกติแล้ว สำหรับ จูดาห์ เตรียมลงแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” ประจำปี 2568 สนามที่ 4 ที่จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน เป็นการลงแข่งขันในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งสตาฟฟ์โค้ชจะทดสอบร่างกายและสถิติของจูดาห์จากการแข่งขันในสนามนี้ว่าเขาสามารถทำผลงานได้ดีเหมือนตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกาหรือไม่
ด้าน “โค้ชบาส” พ.อ.อ.ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ในช่วงแรกจูดาห์ยังมีร่างกายอ่อนเพลียจากอาการเจ็ตแล็ก และยังไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศที่ทั้งร้อนและมีฝนตกเกือบทุกวัน ตนจึงให้จูดาห์ปั่นเกาะกลุ่มนักปั่นทีมชาติคนอื่นไปก่อน แต่ถ้าช่วงที่ต้องเร่งความเร็วตามโปรแกรมที่วางไว้ ก็ให้จูดาห์ลองทำความเร็วดู เพราะเขามีเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันในการซ้อมเพื่อเตรียมลงแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยที่จังหวัดพิจิตร ดังนั้นผลงานในสนามนี้จะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของเขาล้วน ๆ ยังไม่ใช่เป็นความแข็งแกร่งจากโปรแกรมฝึกซ้อมที่ตนเองได้วางรูปแบบเอาไว้ ส่วนความสัมพันธ์ภายในกลุ่มนักกีฬาทีมชาติด้วยกัน จูดาห์มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงนักปั่นคนอื่น ๆ ก็พูดคุยเป็นกันเองทำให้บรรยากาศในทีมดีมาก

“โค้ชบาส” กล่าวอีกว่า การแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทยฯ สนามที่ 4 ที่จังหวัดพิจิตร จูดาห์ลงแข่งขันทั้งรายการไทม์ไทรอัล และโรดเรซ ตนมั่นใจว่าสภาพร่างกายของจูดาห์ที่ฟื้นตัวเป็นปกติแล้วเขาน่าจะทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะรายการไทม์ไทรอัลคาดว่าจูดาห์จะต้องติด 1 ใน 3 อันดับแรกในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชายอย่างแน่นอน รวมถึงรุ่นประชาชนชายด้วย เนื่องจากเป็นการแข่งขันด้วยความสามารถเฉพาะตัว แข่งขันกับเวลา นอกจากนั้นนักปั่นทีมชาติไทยตัวหลัก ๆ อย่าง พ.อ.อ.พีระพล ชาวเชียงขวาง, ส.ท.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ, จ.ส.อ.ณัฐพล จำชาติ, ร.ต.อ.นวุติ ลี้พงษ์อยู่, จ.ต.นพชัย กล้าหาญ, จ.ต.รัชชานนท์ เยาวรัตน์ จะไปแข่งขันรายการ “ทัวร์ เดอ กังนัม 2025” ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายน ก็มั่นใจว่าจูดาห์น่าจะทำผลงานได้ดี
“ส่วนรายการโรดเรซโอกาสที่จูดาห์จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนยังบอกไม่ได้ เพราะการแข่งขันรายการชิงแชมป์ประเทศไทยทุกคนแข่งให้กับสโมสรต้นสังกัดก็ต้องใส่กันเต็มที่ แตกต่างจากการแข่งขันในนามทีมชาติไทยที่ทุกคนในทีมต้องช่วยเหลือกัน ที่สำคัญผมได้วางโปรแกรมให้นักกีฬาทีมชาติไทยทดสอบร่างกายในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยทุกสนามแทนการทดสอบร่างกายระหว่างฝึกซ้อม เนื่องจากผมมีข้อมูลนักกีฬาทุกคนอยู่แล้ว ผลการแข่งขันจึงเป็นตัวชี้วัดว่าหลังจากฝึกซ้อมตามโปรแกรมแล้วมีการพัฒนาศักยภาพของร่างกายเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งผลที่ออกมาก็น่าพอใจ อย่างเช่นการแข่งขันรายการไทม์ไทรอัล สนามที่ 3 ที่จังหวัดสระแก้ว นักปั่นทีมชาติไทยลงแข่ง 7 คน ก็สามารถคว้าอันดับ 1-7 ได้ครบทุกคน” พ.อ.อ.ภุชงค์ กล่าว

พ.อ.อ.ภุชงค์ กล่าวอีกว่า โปรแกรมการฝึกซ้อมที่ตนวางไว้จะแบ่งเป็นการเข้าฟิตเนสเพื่อให้นักกีฬาเล่นเวตเทรนนิ่งสัปดาห์ละ 2 วัน เป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแบบค่อย ๆ เพิ่มความหนักไปทีละขั้น นอกจากนั้นก็เป็นการปั่นระยะทางไกลแบบเอ็นดูรานซ์ หรือ Endurance Training เพื่อฝึกความอดทน ส่วนนักกีฬาชุดที่เดินทางไปแข่งขันที่เกาหลีใต้ก็จะมีการทำเซ็ตเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หนักมากเพราะเรายังไม่ต้องการให้นักกีฬาทุกคนมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ 100% ในช่วงนี้ แต่จะไปสมบูรณ์สูงสุดในช่วงแข่งขันซีเกมส์ การที่นักกีฬาไปแข่งขันยังต่างประเทศก็เพื่อให้ไปเจอบรรยากาศของการแข่งขันบ้าง เพราะหากฝึกซ้อมอยู่ที่ประเทศไทยเพียงอย่างเดียวก็อาจจะเกิดความเบื่อหน่าย นอกจากนี้นักกีฬาก็จะได้ประสบการณ์หลากหลายเพื่อนำมาปรับใช้ในช่วงที่แข่งขันกีฬาซีเกมส์ปลายปีนี้ได้อย่างแน่นอน