22 Jun 2025

วงการกีฬาไทยจับมือไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

sat20032501

การกีฬาแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกรุงเทพมหานคร มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และประกาศเจตนารมณ์  “วงการกีฬาไทย ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในวงการกีฬาไทย

          เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ที่โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายถิรชัย วุฒิธรรม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกรุงเทพมหานคร ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ และประกาศเจตนารมณ์  “วงการกีฬาไทย ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมีนายวรวุฒิ พงษ์ธีระพล หัวหน้าส่วนผลิตข่าว และ บรรณาธิการบริหารอาวุโสข่าวกีฬา ททบ.5 และนายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย และ นายศิริ สาระผล นายกสมาคมช่างภาพผู้สื่อข่าวโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเป็นสักขีพยานเอ็มโอยูในครั้งนี้

          ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า  ตามที่ขณะนี้มีการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรุนแรงในเด็กนักเรียนทั่วประเทศที่อายุน้อยลงไปจนถึงชั้นประถมศึกษา และการสำรวจพบอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กนักเรียนประถมปลาย มัธยมต้น สูงถึง 20-30% จากหลาย ๆ การสำรวจ รวมทั้งเริ่มพบว่ามีวัยรุ่นสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมยาเสพติด เช่น ยาเค และยาซอมบี้ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้มีนโยบายให้ทุกฝ่ายเร่งแก้ปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนอย่างเร่งด่วน ทั้งการปราบปรามแหล่งนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าทุกช่องทาง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรณรงค์ให้ความรู้แก่สังคม เด็กและเยาวชนถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

          วงการกีฬา โดยเฉพาะนักกีฬาทุกคน มีบทบาทสำคัญในการเป็นแบบอย่างที่ดีที่ไม่สูบบุหรี่ทุกชนิด รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน ทั้งนี้ในอดีตบริษัทบุหรี่มีการใช้นักกีฬาเป็นสื่อบุคคลในการโฆษณาสินค้าบุหรี่ แต่กฎหมายทั่วโลกได้ห้ามการกระทำเช่นนี้แล้ว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกรุงเทพมหานคร และ สสส.จะร่วมรณรงค์ “การกีฬาไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” 

          ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)  กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะร่วมกับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานกีฬาต่าง ๆ เพื่อทำให้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ลงนามในวันนี้ได้เกิดการขับเคลื่อนจริง ด้วยการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ บทบาทหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้หน่วยงานภายใต้สังกัดดำเนินการจัดสถานที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560, สร้างความรับรู้เกี่ยวกับ บทบาทหน้าที่ของนักกีฬาไทยทุกคนไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นต้นแบบของเด็กและเยาวชนให้ไม่ตกเป็นเหยื่อและเป็นทาสของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า, สนับสนุนให้พื้นที่หรือสถานที่ที่ใช้ในการจัดการแข่งขันกีฬาทุกประเภทเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการติดสัญลักษณ์ห้ามสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าให้เห็นชัดเจน พร้อมการพูดประกาศเสียงตามสายตลอดระยะเวลาการแข่งขัน  มีการติดตามผลการดำเนินงานสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในหน่วยงานภายใต้สังกัด  รวมถึงจะไม่รับทุนอุปถัมภ์หรือ ซีเอสอาร์ จากอุตสาหกรรมยาสูบทุกประเภท ตามข้อห้ามในมาตรา 35 พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560

          ทั้งนี้ในงานวันนี้ยังมีการเสวนา เรื่อง “การสูบบุหรี่ และ บุหรี่ไฟฟ้ามีผลกระทบต่อนักกีฬาอย่างไร” เพื่อเป็นการให้ข้อมูลในเชิงประจักษ์จากคุณหมอ นพ.ธนีย์ ธนียวัน อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด ประเทศสหรัฐอเมริกา, พญ.พิมพ์ชนก  จันทร์สวัสดิ์ กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์       คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต), พลตรี นพ.ภูษิต เฟื่องฟู ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และตัวแทนนักกีฬา นำโดย นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตนักฟุตบอล และผู้แทนนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง